เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) ได้เป็นประธานในการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทย ณ ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีสำนักงาน ป.ย.ป. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ และมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน
ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการผ่อนผันหรือปรับปรุงกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับวีซ่าและใบอนุญาตทำงานในประเด็นเร่งด่วน เพื่อลดการเดินทางเข้าออกประเทศ ในขณะเดียวกันเพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงานให้ชาวต่างชาติในช่วงที่มีการระบาดของ COVID 19 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคไปพร้อมกับเพิ่มแรงจูงใจในการลงทุนจากต่างชาติ
ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้มีการผ่อนผันหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยื่นขอและต่อใบอนุญาตทำงานให้กับคนต่างด้าวในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาตเข้าพักระยะสั้น (บต. 34) เพื่อการทำงานอันมีลักษณะจำเป็นหรือเร่งด่วนหรือเป็นงานเฉพาะกิจที่มีระยะเวลาทำงานให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน เริ่มนับวันทำงานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน ซึ่งจะไม่นับรวมวันที่ต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน และการเปิดช่องทางให้คนต่างชาติสามารถขอใบอนุญาตทำงาน ขอต่อหรือขยายเวลาใบอนุญาตทำงานได้ผ่านช่องทาง Online หรือตัวแทนในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องเดินทางเข้าประเทศ ที่ประชุมเห็นควรให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาผ่อนผัน ปรับปรุงระเบียบและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับวีซ่าเพื่อลดการเดินทางเข้าออกประเทศจากคนต่างด้าว อาทิ กรณีชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วด้วยวีซ่าอื่นที่ไม่ใช่วีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่าเปลี่ยนผ่าน สามารถเปลี่ยนประเภทวีซ่า หรือต่อ หรือขยายอายุวีซ่าได้โดยไม่ต้องเดินทางออกนอกประเทศ และในกรณีที่มีการปรับลดเงินเดือนในช่วงโควิด สามารถใช้เงินเดือนเดิมในการต่ออายุวีซ่าได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้มอบหมายให้สำนักงาน ป.ย.ป. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการศึกษาเปรียบเทียบขั้นตอนและแนวทางการดำเนินงานของภาครัฐของไทยกับประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียในประเด็นต่าง ๆ เช่น การขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน การส่งเสริมการลงทุน และภาษี เป็นต้น เพื่อนำมากำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ